ประวัติและอาชีพ ของ ซาดาโอะ อารากิ

อารากิเกิดในเขตโคมาเอะ โตเกียว; พ่อของเขาเป็นอดีตซามูไรผู้ติดตามของตระกูลฮิโตสึบาชิซึ่งเป็นตระกูลสาขาของตระกูลโทกูงาวะ อารากิสำเร็จการศึกษาจาก Imperial Japanese Army Academy ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1897 และได้รับพระราชทานยศเป็นร้อยตรีในเดือนมิถุนายนของปีต่อมา

ได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยโทในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1900 และเลื่อนยศเป็นร้อยเอกในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1904 อารากิดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองร้อยของกรมทหารราบที่ 1 ระหว่างสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น

หลังสงคราม อารากิกลับไปศึกษาต่อและสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเสนาธิการทหารบกโดยเป็นหัวหน้าชั้นเรียน เขารับราชการในกองเสนาธิการกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2451 และทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ล่ามโดยประจำการในรัสเซียตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1909 ถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1913 เมื่อเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตทหารประจำเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรีในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1909 และเป็นพันโทในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1915 และได้รับมอบหมายให้ประจำกองทัพคันโต

ได้รับการเลื่อนยศเป็นพันเอกเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1918 อารากิทำหน้าที่เป็นเสนาธิการที่กองบัญชาการกองทัพบกในวลาดิวอสต็อกในปี ค.ศ. 1918 ถึง ค.ศ. 1919 ระหว่างการแทรกแซงไซบีเรียของญี่ปุ่นต่อกองทัพแดงของบอลเชวิค และเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 23 ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในไซบีเรีย อารากิได้ปฏิบัติภารกิจลับในรัสเซียตะวันออกไกลและในทะเลสาบไบคาล

เลื่อนยศเป็นพลตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1923 อารากิได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 8 จากนั้นเขากลับเข้าทำงานที่กองเสนาธิการทหารบกในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานเสนาธิการทหารบก อารากิได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโทในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1927 และได้เป็นผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบกในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1928

อารากิดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 6 ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1929 ถึง ค.ศ. 1931 เมื่อเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรองจเรทหาร เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1933[1]